ไม่ได้พบกันนาน โรรี่กลับมาอัพบล็อคแล้วล่ะครับ..
เรื่องของเรื่องคือไม่ค่อยได้คอสเลยตั้งแต่ป่วยตอนนั้น
ร่วมกับวุ่นๆเรื่องงานวิจัยตอนใกล้จบป.ตรี
ร่วมกับมรสุมชีวิตที่ต้องอธิบายบางอย่างให้กับใครสักคนตอนนั้นฟังเพื่อเข้าใจด้วย
ก็เลยกลายเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่วุ่นวายจนเหนื่อยมากๆและไม่มีเวลาคอสเลยล่ะครับ
แต่น่าแปลกนะที่มีเวลาไปทำงานงานหนังสือ(หัวเราะ)
จริงๆคือเหมือนหมดไฟมากกว่ามั้งครับ ด้วยสภาพอะไรหลายๆอย่างของวงการคอสเพลย์
อาจเรียกว่าเราถึงจุดอิ่มตัวหรืออะไรเทือกๆนั้นก็ได้ครับ
ร่วมกับเรามองไปทางไหนเรากลับรู้สึกเหงาหงอยทั้งๆที่มีผู้คนมากมายอยู่รายล้อม
ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เอเราคอสเพลย์ไปทำไมกันนะถอยออกมาและมองย้อนกลับเข้าไป
คำตอบที่ได้ตอนนั้นกลับหาประโยชน์ของมันแทบไม่เจอเลยล่ะครับ
ทั้งที่เราคิดว่ามันทำให้เรายอมลดน้ำหนัก ดูแลตัวเองมากขึ้นพยายามอัพหน้า ศึกษาคาร์
แต่แล้วสุดท้ายมันก้วนลูบเดิมๆถึงเราพยายามแค่ไหนสุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปไกลมากกว่านี้
ใช้คำว่าไปไกลเหมือนจะพุ่งทะยานไปเป็นดาราเลยนะครับ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก
เพราะว่าคนละแนวส่วนใหญ่กับเพื่อนๆนั่นแหละครับ
เมื่อก่อนการจะหาตากล้องสักคนเพื่อไปถายให้เรานั้นยากมากๆ
โดยเฉพาะถ้าเป็นคาร์ผู้ชายและคนคอสไม่ได้แสดงตัวว่าตัวเองเป็นเพศอะไร
อาจเพราะทุกคนต่างก็รู้สึกดีเมื่อได้ถ่ายอะไรน่ารักๆล่ะมั้งครับ
ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกไม่แคร์นะ เรามีเพื่อนที่ถ่ายกันไปมาจนรู้ว่าต้องแบบไหน
แต่บางทีเราก็อยากพบเจออะไรใหม่ๆบ้างครับ ผมหมายถึงคนนะ
เพราะจริงๆเสน่ห์ของการคอสเพลย์เวลาลงงานน่ะครับ
คือเราได้พบปะพุดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนที่ชื่อชอบของสิ่งเดียวกัน
รสนิยมเหมือนกัน คาร์แรกเตอร์เดียวกัน
แต่ว่ามันไม่ใช่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เนอะครับ
มันคงเริ่มขึ้นเมื่อผมไปงานแล้วเห็นว่าทุกคนต่างจับจองพื้นที่เอาแต่ถ่ายรูป
แบ่งโซนควงตากล้องกันมาเอง
แต่ละคนอุปกรณ์พร้อมสรรพมาก แฟลตแยกเลนส์บ้องข้าวหลาม(หัวเราะ)
ร่วมกับตอนนั้นไม่รู้สึกว่ามีคาร์ใดๆที่สร้างแรงบันดาลใจหรือสร้างความรู้สึกตกหลุมรักได้เลยน่ะครับ
ก็เลยพักไปครู่หนึ่ง ย้ายไปเล่นโรลเพลย์คอมมูแทน
จริงๆตอนที่หยุดไปก็คือเริ่มเล่นคอมมูประมานนั้นล่ะมั้งครับ แล้วก็เริ่มเล่นจริงจังมาเรื่อยๆ
เรียนรู้ระบบ ปรับแต่งคาร์และด็อคมาตลอด
กระทั่งโชคชะตาก็เล่นตลกผมอีกแล้วครับ
ดันเจอมูในตีมที่อยากเล่นแล้วจับพลักจับผลูแม่งานเป็นน้องที่รู้จักและเคยเจอกันที่งานคอสเสียอย่างนั้น
คราวนี้มีหรือจะพลาดครับ ใช่แล้วเราไม่พลาดเด็ดขาด
พอเข้าไปเล่น เอาจริงมันเป้นอะไรที่สนุกมากๆนะครับ ทั้งเนื้อเรื่อง การไขปริศนาและอื่นๆ
จนผมยอมรับเลยว่าติดงอมแงมมาก เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันน่าเล่นไปหมด
และสุดท้ายตัวละครที่ลวก็โดนสมาชิกในมูท่านหนึ่งอุ้มไปดูแลครับ
บอกเลยว่าตอนเล่นนั่นสนุกมากลุ้นมาก ถึงบางส่วนจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ยังลุ้นตัวโก่งเพราะความไม่มั่นใจ
ทีนี้พอมูจบลง ด้วยความที่เราชอบคาร์แรกเตอร์หนึ่งมากๆ ร่วมกับ เชส (แม่งาน)
ได้เชิญผมให้ไปช่วยสอนเด็กๆแต่งหน้าที่โรงเรียนของเขา คุยกันไปคุยกันมามันก็สบโอกาสแหละครับ
เอาของที่มีอยู่ในบ้านมาเนียนเซอร์ไพรด์ผปค.ของตัวละครนั้นพร้อมๆกันซะเลย
เพราะเวลาไปพบเชส ผมมักจะพูดถึงเขาบ่อยๆ บ่นบ้าง(?) หวีดร้องบ้าง หลายๆอย่าง เรียกได้ว่า
ยอมโดนต้มจนเปื่อยขอให้ได้เผาจนสุ---//พอ
เอาเถอะครับ ก็เรื่องเริ่มจากตอนนั้นพอเทสแล้วมันเวิร์คเลยเอาจริงเอาจังขึ้นมาน่ะครับ
ตอนแรกกังวลหลายอย่าง ทั้งชุดทั้งผ้าขนและวิกขาวแต่สุดท้ายก็ออกมาดีครับ
เลยตัดสินใจเอา มาคอสกันสักตั้งเถอะ อารมณ์แบบนี้ไม่ได้สำผัสนานแล้ว
ความรู้สึกชื่นชอบจนแทบจะตกหลุมรักและอยากเห็นตัวละครมีชีวิตขึ้นมาน่ะครับ
ชุดหลักของเขาผมก็สั่งตัดไปล่ะ ยอมโอโม่ บอกเลย ฟหกฟดห
จริงๆก่อนจะลงรูปนี้มีเรื่องเล่าเยอะแยะเลย
เปลี่ยนเป็นเอนทรี่พรีจะทันไม่นิ เพราะมันเกิดอะไรขึ้นเยอะจริงๆ
ประสบการณ์ใหม่ๆ ความรู้สึกเก่าๆที่คุกโชนขึ้นมาโหมไฟในการคอส
ความปรารถนา ความรัก ความเจ็บปวด ความยินดีหล่อหลอมลงบนสีหน้าที่ถ่ายทอดออกมา
นึกไปแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เลยล่ะครับ
ที่พิมพ์มานี่คงเป็นเกริ่นที่ยาวที่สุดแล้ว เอาเป็นว่า ไปดูภาพกันดีกว่าครับ เซตนี้รูปเยอะมากๆ
ต้องขอบคุณคนถ่ายฝีมือดี คัลลาเวย์ คัลลาเวย์มากครับ
เชสคอสได้อินเนอร์มาก ผมยอมแพ้เลย
เพราะมาดูรูป เก๊กอยู่ได้ไม่กี่ใบหรอกนอกนั้นทำหน้าโม่ยใส่กล้องตลอด Q[]Q
ได้โปรดให้ผมแก้ตัวใหม่นะครับปู่ หวังว่าจะไม่โกรธกัน(ฮา)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จริงๆคือวันที่ไปเนี่ยตกลงกันว่าจะลงงานไปๆมาๆกลายเป็นไปไพรเพราะต้องเอารูปไปใช้งานครับ
เริ่มจากเจอเชสที่ MRT ก่อน แล้วนั่งไปพระรามเก้า ด้วยความที่น้องยังไม่ได้กินอะไรมา
หลังจากถึงแล้วเลยว่าจะพาไปหาอะไรที่ลอว์สันกิน
ปรากฏว่าเราเจอคุณตากล้องยืนอยู่แถวนั้นพอดีครับ
ก็เลยสรุปหาที่นั่งให้เชสที่กำลังดูอาการไม่ดีได้พอดี
ก็สั่งกาแฟเสร็จ โดนเจ้าหน้าที่ไล่ไปนั่ง
คือตอนนั้นผมยื่นแบงค์พันไปแล้วนะ ผมจะเลี้ยงกาแฟเด็กๆ คือให้เชสถือไว้เพราะเขาสั่งคนสุดท้าย
เพราะว่าของเยอะเลยแบบ อ่ะถือไว้ก่อน บังคับแตกแบงค์นะ
ปรากกว่าพนักงานถามว่ากินที่นี่หรือเอากลับ พวกเราก็ตอบว่ากินที่นี่แล้วเขาก็ให้ไปนั่งครับ
ผมที่ได้แบงค์พันคืนจากเชสเลยเก้บใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน ตั้งใจว่าจะเอามาจ่ายหลังกินเสร็จ
เรื่องมันเกิดขึ้นตรงนี้แหละครับ
เพราะกินเสร็จ สามคนก็ลุกเดินออกจากร้านไปเลยครับพี่น้อง...
แล้วมานึกได้กันตอนจะกินข้าวนั่นแหละครับ
ล้องสิครับรออะไร แถมขากลับตั้งใจว่าจะไปจ่ายก็ดันลืมอีกครับ!!
โอยผมจะบ้าตาย จนสุดท้ายต้องรบกวนผู้ใหญ่ใจดีไปจ่ายให้ ฮึกๆ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะชักดาบนะโอเค้!? เข้าใจตรงกันนะครับ
เอาล่ะพอ มาดูภาพกันดีกว่า ลงพอสมควรพอครับ เพราะมันเยอะมากจริงๆครับ
------------------------------------------------------------------------------------------
Title : Phantom Plastor The Series
Original Commu by Far_Chess
Charater : Arc Bishop Cally Callaway & Philosopher Hiem (Mafia ver.)
Original by Albulas Latino
Coser : Far_Chess & Robert Asakura
Photo by Mastermind Psych [น้องไอน์]
Special Thank : ทุกคนเลยครับ ขอบคุณน้องไอน์ที่ช่วยแบกของดูแลผมตอนร้องหาอาหาร ขอบคุณเชสที่มาสนุกด้วยกัน ขอบคุณเจ้าของออริจินัลที่ยินยอมให้คอสนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------
มาดูรูปกันเลยครับ เราจะเริ่มกันที่ โซนคุณฟ.-------
คนอะไร คีพคาร์ได้แม้แต่ตอนที่มอง ผมยอมครับ เขาเท่มากจริงๆ QvQb
แค่นั่นเฉยๆยังดูเท่
สะบัดผ้าคลุมยังสุดเท่ครับ รูปนี้โปรดักชั่นอลังการล้านแปดจริงๆนะ ฮา
ขนาดเติมหูเขายังคีพคาร์ได้ตลอดอ่ะครับ บอกเลย
เรียกได้ว่ารูปรั่วไม่มี(?)
ขนาดแอบมุมเสาน้องเขายังน่ารัก แล้วตัดภาพมาที่ผมนะครับ...
แพลนกิ้-- #ผิด ฟฟฟฟ
ล้อเล่นน่ะครับ รูปรั่วๆมันเยอะกว่ารูปดีๆเท่านั้นเอง จริงๆคือเพราะโรรี่รั่วจนหาดีไม่ได้ครับฟฟฟฟฟ
ไม่รั่วก็ทำหน้าโม่ยแบบนี้(?) #โดนตบ
เชสบอก พี่จะทำอะไร 555
เอ้าเผาพอหอมปากหอมคอครับ ของจริงน่ะอยู่นี่ครับ
คอสปู่ หน้าอ่อนโยนต้องมาครับ
และหน้าเซ็กซี่แบบปู่ๆก็ต้องมาเช่นกันครับ ฟฟฟฟ จริงๆเขาเป้นคนที่สายตาสื่ออารมณ์
อยู่พอสมควรเลยครับ กับสีหน้า เลยค่อนข้างคอสไม่ยากสำหรับโร แต่ที่ยาก
คือการเข้าใจเขานั่นแหละครับ เข้าใจและตีความ
เพราะรู้สึกว่าเราสำผัสตัวละครน้อยไป เลยอาจจะทำการบ้านเกี่ยวกับเขาเพิ่มสักหน่อยครับ
ที่เห็นหลักๆเลยคือการพูด อีกอย่าง
อาจจะเพราะโรไมค่อยได้คอสตัวละครที่ออกแนวแฟนตาซีจ๋าขนาดนี้มั้งครับ
การใช้ข้ากับเจ้าเลยค่อนข้างไม่ชินเท่าไร
ผมนี่จะฉันกับนายตลอดเลย ไม่ก็ผมกับคุณ เพราะปู่ไม่พูดกับคัลลาเวย์แบบนั้นน่ะครับ ฮยือ
แต่โดยรวมก็ถือว่ารอดเยอะพอสมควรครับ มีหน้าอ่อนโยน
สลับกับหน้าฮาซาเอลโม่ยๆอยู่ไม่ขาด QvQ555
คราวหน้าต่องมีสมาธิมากกว่านี้ครับ เขียนมาถึงตรงนี้ก็โปรยรูปเซตสุดท้าย แล้วกันนะครับ
ใช่ครับ โซน "รูปคู่" ครับผม
"เจ้าน่ะ...หยุดความคิดนั้นเสียเถิด..คัลลาเวย์"
"ตัวท่านช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน ไฮม์.."
มีความเสริมห้านิ้วแล้วยังสูงพ้นเชสไปนิดเดียวครับ น้องสูงมาก ฮว้ากกก O<-<
เนียนด้วยรูปนั่ง จริงๆรองเท้าบอบช้ำมาก ต้องขอบคุณมันที่รอดตายไปตลอดการถ่ายครับ ฮยือ
ช่วงฮาซาเอลเข้าสิง #ผิด
แคปชั่นเท่ๆเต็มๆเดี๋ยวติดตามได้จากคุณตากล้องนะครับ งานนี้คือยอดเยี่ยมมากจริงๆครับ
เอาจริงๆนี่ก็เป็นครั้งแรกของโรที่ถ่ายอะไรจริงจังขนาดนี้นะครับ ถ้าสนุกและชอบมากๆก็ดีใจครับ
เห็นไหมครับผมบอกเเล้ว คัลลาเวย์น่ะฮยือ------- เลาจะไม่ยอมแ้เด็ดขาดเลยครับ
"เส้นทางของพวกเรามันเปรียบเสมือนขาวกับดำและมันไม่มีทางเป็นเส้นเดียวกันอย่างแน่นอน.."
"ดวงตาเจ้าน่ะมืดบอดแล้ว คัลลาเวย์"
นอกจากเวอร์หลักแล้วก็แอบเอาหูกับโซ่ไปเล่นกันนี่แหละครับฮา คุณหมาจูงคุณหมากันเลยทีเดียว
ปิดท้ายกันที่รูปนี้ครับ เดี่ยวจะโหลดโหดกันไปเสียก่อน
"แล้วพบกันใหม่ หวังว่าเธอจะสนุกกับปาร์ตี้ของพวกเรานะ"
ปู่พูดงั้นแน่ะครับ #ผิด แต่กลับบ้านมาเคลียร์กับเด็กน้อยหรือยัง ไหนจะคาเบะด้งใส่คุณตากล้อง
ทำลวนลามคัลลาเวย์(?)
ดีดดิ้นจะเอาชาเขียว เดี๋ยวๆ นั่นผมทั้งหมดเลยนี่นา(ฮา)
ขากลับตอนกินข้าวยังไปต่อขนมอีกแถมยังเม้ามอยกึ่งอลาวาดใส่คุณตากล้องไปชุดใหญ่(?)
หมดวันแล้วมานึกๆดู เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างจริงๆครับ
ครับ แล้วพบกันใหม่เอนทรี่หน้า ขอบคุณจริงๆครับ<3
คราวหน้าเราจะทำหน้าอ่อนโยนแบบอ่อนโยนจริงๆให้ได้ คอยดูเลยครับ!